ผู้หญิงให้บริการ สร้างความเจ็บปวดให้เป็นความสุข

1161 0

(บรรยายหญิง)
SM คือพฤติกรรมเฉพาะตัวอย่างหนึ่ง ย่อมาจากซาดิสม์ และมาโซคิสม์ คนเหล่านี้มีความต้องการที่ไม่เหมือนคนอื่น
แต่ไม่ใช่ปัญหา เพราะที่ญี่ปุ่น มีบริการที่จะตอบสนอง
ทุกความต้องการของคนเหล่านี้ โดยหญิงสาวหน้าตาน่ารักท่านนี้ (ฟูจิ) ผู้ที่เป็นนักการเมืองหรือคนที่เป็นเศรษฐี จะเป็นคนที่สั่งการเขาก่อน ตอนนี้เขาอยากจะลองดูว่าตัวเองถูกสั่งการ ถูกสั่งนี่จะเป็นอย่างไร บางคนอยากบริการให้ภรรยา หรือคนรักอย่างเต็มที่

แต่…

ถ้าทำอย่างนี้ภรรยาหรือคนรัก
อาจจะหาว่าเราผิดปกติ คุณผู้ชมเห็นไหมที่เธอกินเสร็จแล้ว กินขนม กินอาหารที่เธอกินแล้วบ้วนออกมา แล้วให้เรากินจากปากเธอ เฮ้ย กินจากพื้น (บรรยาย) ตามฟูจิเซ็นเซไปพบกับเธอกันค่ะ

[เสียงดนตรี]

(ภาษาญี่ปุ่น) อันนี้อุปกรณ์อะไรอยู่ข้างในเต็มเลย วันนี้ผมมีนัดนะครับ
กับสาวสวยคนหนึ่ง สิ่งที่น่ารักยิ่งกว่าน่ารักคืออะไร อยู่ในนี้ หนักมากเลย โอ้โฮ มันคืออะไร คุณผู้ชมจะเห็นโลกใหม่ของการบริการ (ภาษาญี่ปุ่น) ธรรมดาแล้วจะใหญ่กว่านี้อีกนะ อันนี้เล็กอยู่นะ อุปกรณ์อะไรนี่

[เสียงดนตรี]

ถามว่าอาชีพ SM เป็นอาชีพแบบไหน เธอบอกว่าเป็นอาชีพที่คล้าย ๆ กับว่า ปลดปล่อยให้ความอยากของเราที่อยู่ไว้ในใจ ให้มันปลดปล่อยออกมา เป็นงานที่สมมติว่า พวกเราต้องการอยากทำอะไรให้กับแฟน
แต่ว่า
ถ้าทำให้กับแฟนแล้ว แฟนจะหาว่าเราแปลก สมมติว่าอยากจะเช็ดรองเท้าของภรรยา เช็ดรองเท้าของผู้หญิง ให้สะอาดเลย ด้วยลิ้นอย่างนี้
แต่ว่า
ถ้าทำแล้วภรรยาหรือแฟนจะหาว่าแปลก ก็เลยมาทำในร้านแบบนี้ (ภาษาญี่ปุ่น) อ๋อ ความหมายที่บอกว่า
มีแส้ มีเทียนอะไรนี่ หมายถึงอะไรรู้ไหม หมายถึงเหมือนว่าเราอยากจะเป็นของเล่น
ของแฟนเรา ก็คือผู้หญิง
เพราะฉะนั้น
ถ้าถูกตี ผู้หญิงพอตีปุ๊บแล้วผู้หญิงหัวเราะ ก็แสดงว่าเราบริการให้ผู้หญิงได้รู้สึกดีใจ ทำอะไรก็แล้ว
แต่ ให้ฝ่ายผู้หญิงดีใจ เราเป็นรองเท้า เป็นอะไรก็ได้
ถ้าเห็นผู้หญิงดีใจ
ถ้าทำต่อหน้าแฟนตัวจริง ก็จะหาว่าเราแปลก ผิดปกติ

[เสียงดนตรี]

(บรรยาย) นี่มันอาชีพอะไรกันคะ ฟูจิเซ็นเซกำลังจะพาเราไปรู้จักกับ
โลกแปลกใหม่อะไรของคนญี่ปุ่นอีกคะนี่ เราได้ยินคำหนึ่งจากฟูจิเซ็นเซ คือคำว่า SM เรามาทำความรู้จักกับคำนี้ก่อนดีกว่าค่ะ
เผื่อจะเดาอาชีพของเธอได้ S ย่อมาจากคำว่า Sadism หรือที่เราเรียกกันว่าซาดิสม์ค่ะ
หมายถึงความสุข
หรือความพึงพอใจในความเจ็บปวด และความทุกข์ของผู้อื่น สิ่งที่ตรงกันข้ามกับซาดิสม์ ก็คือคำว่า M หรือ มาโซคิสม์ Masochism ซึ่งหมายถึงความสุขหรือความพึงพอใจทางเพศ เมื่อได้รับความเจ็บปวดกับตัวเอง โดยมักจะเกี่ยวข้องกับจินตนาการทางเพศ หรือการถูกตบตี การถูกเหยียดหยาม การถูกผูกมัด หรือถูกทรมาน เพื่อเป็นการเพิ่มหรือทดแทนความสุขทางเพศ พฤติกรรมซาดิสม์และมาโซคิสม์มักเกิดร่วมกัน คือฝ่ายหนึ่งมีพฤติกรรมซาดิสม์ ในขณะที่อีกฝ่ายมีพฤติกรรมมาโซคิสม์ จนเกิดเป็นอีกคำว่า ซาโดมาโซคิสม์ หรือเรียกย่อว่า S & M หรือ SM ค่ะ
และเพราะมีคนที่เป็นทั้งซาดิสม์
และมาโซคิสม์ไม่น้อย คุณผู้หญิงท่านนี้จึงสามารถทำอาชีพ
ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ค่ะ

แต่ก่อนที่เธอจะเล่าถึงงานของเธอ เราไปฟังนักจิตวิทยาพูดถึง S กับ M ให้เข้าใจในเชิงวิชาการกันก่อนนะคะ (ภาษาญี่ปุ่น) อันที่จริงนะครับ
เราไม่ค่อยได้ยินคำว่า S ไม่ค่อยได้ยินคำว่า M เท่าไรใช่ไหมครับ
ในชีวิตประจำวันนะครับ
ต้องมีใครมีหน้าที่เป็น S มีใครมีหน้าที่เป็น M อยู่แล้ว เช่น การออกกำลังกายก็เหมือนกัน การออกกำลังกายก็คือการทำร้ายตัวเอง คือฉันต้องวิ่งเหนื่อย ๆ วิ่งเยอะ ๆ นี่ก็คือการทำร้ายตัวเอง ก็คือชอบ จะเรียกว่าทำร้ายก็ไม่ถูก ก็คือการกลั่นแกล้งตัวเอง และตัวเองรู้สึกได้กล้ามเนื้อใหญ่ ๆ รู้สึกเจ็บอย่างนี้ มันก็จะรู้สึกว่าเหมือนตัวเองเป็น M รู้ไหมครับ
ว่าของประเทศญี่ปุ่นมีคำถามว่า
เป็น S หรือเป็น M ญี่ปุ่นคือ M เพราะว่าฉันกินข้าวไม่ฟุ่มเฟือย ฉันกินแบบอดอยาก มันก็คือการทำร้ายตัวเอง แบบว่าฉันมันเท่ ฉันมันเก่งที่กินข้าวอย่างอดอยาก หรือคนที่ใส่เสื้อเก่า ๆ ผุพัง ฉันไม่ฟุ่มเฟือย นั่นแหละคือชีวิตฉัน นั่นแหละคือชีวิต นั่นแหละคือ M
เพราะฉะนั้นนะครับ

ทำงานหนัก ๆ ของญี่ปุ่น เห็นไหม แบกขอนไม้หนัก ๆ แล้วอ่านหนังสือ นั่นแหละคือชีวิต เห็นไหมครับ
ชีวิตคือความลำบาก ชีวิตคือการ…
อย่างนี้แหละ นี่คือ M
เพราะฉะนั้นคนญี่ปุ่นนะครับ
จะถูกมอง คนนี้ทำงานหักโหม
ลำบากตรากตรำ นี่คือ M

แต่…

ถ้าเป็นอเมริกา ฉันเก่งไหม ฉันเท่ไหม ฉันเยี่ยมไหม ดูฉันสิ นี่คือ S โชว์ตัวเอง

แต่…

ถ้าเป็นญี่ปุ่น
ถ้าเป็นญี่ปุ่นลองพูดสิ เก่ง เท่ เฮ้ย คนนี้ขี้อวด โอเวอร์ บ้า
แต่ประเทศญี่ปุ่นนี่ชอบ M ก็คือความพยายาม หักโหม ตรากตรำ ตั้งใจเรียน อดทน อะไรอย่างนี้ แล้วเวลาถาม
ผมไม่รู้หรอกช่วยสอนผมหน่อย นี่คือเป็น M แบบว่าถ่อมตัวตัวเอง คนที่เป็น S นี่คือชอบอะไรรู้ไหม ชอบควบคุมคนอื่น แล้วเป็นเจ้าของบริษัทอะไรอย่างนี้ แล้วชอบสั่งการอะไรอย่างนี้ จะเป็นคนอย่างนี้ (บรรยาย) อ๋อ นี่ก็คือความหมายของ S กับ M ในบริบททางสังคมนั่นเองค่ะ
คนเราเป็นได้ทั้งคนที่ชอบทำร้ายคนอื่น และชอบถูกคนอื่นทำร้าย อาจารย์อธิบายให้เห็นภาพชัดมากเลยนะคะ ว่าอันที่จริงคนญี่ปุ่นมีนิสัยพื้นฐานเป็น M คือถ่อมตัว ยอมทำตาม ไม่โอ้อวดตัวเอง
แต่คนเป็น S คือชอบออกคำสั่ง ชอบทำให้คนอื่นอยู่ใต้อำนาจก็มีเหมือนกันค่ะ
ที่ประเทศญี่ปุ่นนี่นะครับ
ผู้ชายที่เป็น M จะ นิงกิ ก็คือเป็นที่ชอบ เป็นที่ชอบ เพราะอะไรครับ
คือแบบว่าสงสาร มีดราม่านะครับ
หลายเรื่องที่แบบว่าแพ้ ธรรมดา
ถ้าชนะนี่ เหมือนกับเป็นฮีโร่ใช่ไหม
แต่ของญี่ปุ่นคือแพ้ โอ้โฮ น่าสงสาร คนรัก แล้วก็เอามาขึ้นทีวี แพ้ สงสาร รัก ผมเข้าใจแล้ว หนังญี่ปุ่นหรือไม่ก็พวกละครญี่ปุ่น แบบว่าทำงานหนัก ๆ ตรากตรำ แล้วสาว ๆ รออยู่อะไรอย่างนี้ เห็นงานตรากตรำอะไรอย่างนี้ ใส่ใจอะไรอย่างนี้ จะชอบมากเลย การทำงานก็เหมือนกันนะครับ
ยอมทำงานเพื่อบริษัทนะครับ
ตั้งชื่อเรียกว่า ชะชึกึ ก็คือแปลว่าอะไร ชะ แปลว่า บริษัทนะครับ
ชะชึกึ ก็คือ สัตว์เลี้ยงของบริษัท คือทำตามบริษัทนะครับ
เชื่อฟังบริษัท ไม่เถียง ไม่ต่อรอง แล้วก็ยอมที่ตัวเองป่วยทำงานหนักนะครับ
แล้วร่างกายก็ผุพัง

แต่ก็ยอมทำตามเพื่อบริษัท ถวายชีวิตให้กับบริษัทอะไรอย่างนี้เยอะครับ
ก็ทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นที่ก้าวหน้าเติบโตไปได้ดี เพราะว่ามีคนที่เป็น M เยอะนะครับ
ร่วมมือกัน ตอนแรกก็ก่อนที่ประชุม พอประชุมแล้วตัดสินว่าจะไปได้ดี จะทำแล้วนะครับ
ก็พอเริ่มทำแล้วนี่ เขาจะไม่มีใครปฏิเสธนะครับ
ก็จะร่วมทำไปทางเดียวกันเลย

[เสียงดนตรี]

(บรรยาย)
การจะเป็นคนที่ชอบทำให้คนอื่นเจ็บปวด หรือชอบถูกคนอื่นทำให้เจ็บปวด จะส่งผลเสียอะไรต่อสังคม
หรือคนใกล้ตัวหรือไม่ และจะต้องได้รับการรักษาหรือเปล่า ลองฟังกันดูค่ะ
(ภาษาญี่ปุ่น) ถามว่า S M มีหนักเบา มีการได้รับการรักษาหรือไม่ครับ
คำตอบก็คือว่า ในอเมริกานะครับ
หรือในที่ต่าง ๆ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะครับ
ก็คือคนที่เป็น S ก็เป็น S อยู่แล้ว คนที่เป็น M ก็เป็น M อยู่แล้ว
แต่ว่า
ถ้าเป็น S ไปทำร้ายคนอื่นนะครับ
ทำให้คนอื่นเดือดร้อน อันนี้คือมีปัญหา แล้ว
ถ้าเป็น S แล้วมี M ก็คือมันเข้ากันได้ คือเป็นการบาลานซ์กัน ก็คือการสมดุลกันนะครับ
โดยเฉพาะคนที่อยากเป็น S หรืออยากเป็น M
ก็ไปจ่ายเงินรับการบริการ ตัวเองอยากเป็น M ก็ไปรับการบริการ
ให้คน S มาช่วยบริการ ก็คือจ่ายเงิน คือไม่มีปัญหานะครับ
คนที่มีปัญหาคือ สมมติตัวเองเป็น S แล้วอีกคนหนึ่งเขาไม่ชอบ ที่จะต้องการให้เราถูกควบคุมอย่างนี้
คือการทำร้ายเขา

แต่…

ถ้าอีกฝ่ายหนึ่ง เขาต้องการอยู่แล้ว ต้องการกับต้องการ ก็กลายเป็นแก้ปัญหา

แต่…

ถ้าเขาไม่ชอบ
นี่คือการทำให้คนอื่นเดือดร้อน

[เสียงดนตรี]

(บรรยาย)
แต่กรณีที่ทำร้ายคนอื่น จนกลายเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ ก็มีอยู่เหมือนกันนะคะ (ภาษาญี่ปุ่น) (ฟูจิ) ท่านก็เสริมต่อนะครับ
ว่า
คนที่เป็น S นะครับ
ที่เป็นงานหนักเลย
ก็คือฆ่าคนเลยอย่างนี้ อย่างนี้มีปัญหาแน่ ก็คือมีเรื่องเซ็กซ์อยู่บนเตียงแล้วก็ไปบีบคอ ไม่เห็นอีกฝ่ายหนึ่งเขาทรมาน แล้วไม่มีความสุขในการมีเพศสัมพันธ์ อันนั้นก็แรงไป
แต่อันนี้ก็คือมีบ้างเล็กน้อย มากก็คือออกในหนังสือพิมพ์ ออกทางโทรทัศน์อย่างนี้ มันมีน้อย ประเภทผิดปกติ ที่ตัวเองไปทำร้ายคนอื่น ให้ตัวเอง ให้คนอื่นเดือดร้อน ให้เขาเสียชีวิต แล้วตัวเองก็บอกว่า
ช่วยประหารชีวิตฉันหน่อยอะไรอย่างนี้ มันแรงขนาดนั้น
ก็คือถึงขนาดผิดปกติ (บรรยาย) ซึ่ง
ถ้าจะพูดให้ลึกในเชิงจิตวิทยาแล้ว คนเราทุกคนมีส่วนผสมในตัว ที่เป็น S และ M ด้วยกันทั้งนั้นค่ะ

แต่…

ถ้าส่วนใดส่วนหนึ่งถูกแสดงออก
ข้างนอกมากจนเกินไป ถึงจะเรียกว่าโรคซาดิสม์ หรือ มาโซคิสม์ อีริค ฟรอมม์ นักจิตวิเคราะห์ชาวเยอรมัน กล่าวว่า S หรือ M คือพฤติกรรมที่หลบหนีจากความรู้สึกเดียวดาย หรือความรู้สึกไร้พละกำลัง ปกติคนเราจะสามารถหายจากความเดียวดายได้ โดยการออกไปมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น คำนึงถึงผู้อื่น เคารพผู้อื่น รู้จักผิดชอบชั่วดี และรักคนอื่นเป็น รวมทั้งหากิจกรรมต่าง ๆ ทำได้
แต่คนที่เป็น SM นั้น ขาดความสามารถที่จะสร้างสรรค์สิ่งเหล่านี้ขึ้นมา จึงอดทนกับความรู้สึกเดียวดาย หรือความรู้สึกไร้พละกำลังไม่ได้ จึงเลือกที่จะเป็น SM ให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นค่ะ
ข้อมูลทั้งหมดกำลังจะบอกเราว่า คนเราทุกคนสามารถป่วย หรือมีอาการผิดปกติทางจิตบางอย่างได้ และแสดงออกแบบไม่ปกติได้ด้วย
แต่ว่าคนญี่ปุ่นก็แยบยล พยายามหาวิธีการผ่อนคลายอาการเหล่านี้ โดยสร้างเป็นบริการที่มีมาตรฐานขึ้นมา และฟูจิเซ็นเซก็กำลังจะพาเราไปทำความรู้จัก
กับคนญี่ปุ่นคนหนึ่ง ที่ทำงานบำบัดความเครียด เกี่ยวกับอาการ SM นี้ค่ะ
(ภาษาญี่ปุ่น) คนที่ให้บริการที่อยู่ในร้าน ทุกคนจะเป็น S หมดเลย โดยการที่เป็นฝ่ายให้ ก็คือฝ่ายรุกนั่นเอง เป็นคนใช้โน่นนี่นั่นเป็นคนบริการ เธอเป็นฝ่าย S ใช่ไหม เป็นฝ่าย S แล้วลูกค้าก็จะเป็นฝ่าย M ลูกค้าก็คือนักการเมืองก็มีนะ หมอก็มี ทนายก็มี เป็นเจ้าของบริษัทก็มี ผู้ที่เป็นนักการเมืองหรือคนที่เป็นเศรษฐี จะเป็นคนที่สั่งการเขาก่อน ตอนนี้เขาอยากจะลองดูว่า ตัวเองถูกสั่งการ ถูกสั่งนี่จะเป็นอย่างไร
ถ้าเป็นซาลารี แมน พนักงานเงินเดือน ทุกทีจะถูกด่า ถูกว่า คนแบบที่เป็นพนักงานเงินเดือนธรรมดา อยากจะไปในร้านและทำตัวให้เบ่ง ให้ใหญ่ ตัวเองอยากใหญ่ ไปที่ร้านแล้วให้ผู้หญิงชม ฉันใหญ่ ฉันเก่ง นี่คือพนักงานเงินเดือนธรรมดา
แต่คนที่เป็นเจ้าของบริษัท เป็นนักการเมือง เขาจะเป็นคนที่พูดหรือสั่งการเยอะ ๆ ก็อยากจะดูว่าตัวเองเป็นคนแบบไหน อยากจะลองเป็น M ดูบ้าง ก็คือถูกสั่งการดูบ้าง ธาตุแท้ของทุกคน ที่จริงไม่ใช่เป็นคนที่ด่าว่าแรงนะครับ
อันที่จริงตัวเองคือคนที่อ่อนแอ
แต่ไม่กล้าเปิดเผยให้คนอื่น ก็เลยมาที่ร้าน เพื่อมาแสดงตัวว่าตัวเองเป็นคนอ่อนแอ ถูกสั่งการดูบ้าง (บรรยาย) นี่คือเรื่องทางจิตวิทยา ที่เกิดขึ้นจริงบนโลกใบนี้นะคะ และคิดว่าไม่ใช่แค่ในญี่ปุ่นเท่านั้น คงมีผู้ที่มีอาการแบบนี้ทั่วไปหมดค่ะ
เธอบอกว่าลูกค้าส่วนมากเป็นคนร่ำรวย มีอำนาจสั่งการคนอื่นในชีวิตประจำวันค่ะ
พอมาถึงมือเธอปุ๊บ ก็อยากจะโดนสั่งให้ทำโน่นทำนี่ เช่น ให้ใช้ลิ้นทำความสะอาดโต๊ะ หรือแม้
แต่อยากได้รับความเจ็บปวด เช่น การใช้เทียนลนตามร่างกาย เพื่อจะได้ลืมความคิดเรื่องเครียด ๆ ในชีวิตจริงอย่างนี้ก็มีนะคะ เธอบอกว่ายังสะอาดไม่พอ ต้องให้ผมเลียก่อนครับ
เลียจนสะอาด จนเธอบอกว่าโอเคแล้ว เลียอย่างนี้เลยหรือ เข้าใจ
ถ้าผมเลียนะ คุณผู้ชมคงเข้าใจนะว่ามันผิดปกติ อันที่จริงผู้ชายบางคน อยากจะบริการให้กับภรรยา
หรือคนรักอย่างเต็มที่

แต่…

ถ้าทำแบบนี้ภรรยาหรือคนรัก
อาจจะหาว่าเราผิดปกติ วิปริต เราก็เลยทำไม่ได้
ก็เลยต้องไปร้าน SM

[เสียงดนตรี]

(บรรยาย) นี่คือปัญหาของคนที่เป็น M
หรือคนที่อยากถูกทำร้ายค่ะ

แต่ว่าบอกภรรยาที่บ้านไม่ได้ เดี๋ยวจะกลายเป็นว่า อ้าว เธอมีปัญหาทางจิตหรือ ครอบครัวจะแตกแยกเอา ก็เลยต้องมาใช้บริการกับเธอนี่แหละค่ะ
คือให้เธอสั่ง ให้เธอทำให้เจ็บปวดตามที่ตัวเองชอบค่ะ
(ภาษาญี่ปุ่น) เวลาเธอเห็นลูกค้าหรือเพื่อน
หรือคนรักนี่นะครับ
รู้สึกว่าแบบว่าไม่ไหวแล้ว ทนไม่ไหวแล้วอะไรอย่างนี้ นั่นแหละยิ่งชอบ แล้วแบบว่าไม่ใช่เป็นการแสดงละคร นี่คือเรื่องจริงเลยนะ คือลูกค้าที่เป็นผู้ชายนี่ จะแบบว่าไม่ไหวแล้ว อดทนไม่ไหวแล้วอะไรอย่างนี้ โดยเฉพาะไม่ใช่ว่าเห็นคนอื่นอย่างเดียวนะครับ
โดยน้ำมือของเธอ อะไรก็แล้ว
แต่ทำให้อีกคนรู้สึกไม่ไหวแล้ว จะชอบมากเลย (บรรยาย) นั่นก็หมายความว่า เธออาจจะเป็นซาดิสม์อย่างไรล่ะคะ ถึงได้ทำงานแบบนี้ได้
แต่ว่าทั้งหมดทั้งมวลที่เธอให้บริการกับลูกค้า จะไม่มีเรื่องทางเพศเข้ามาเกี่ยวข้องค่ะ
(ภาษาญี่ปุ่น) (ฟูจิ) ดูภายนอกนะครับ
เราดูกันก็เหมือนเป็นคนธรรมดา ผมก็ไม่ได้เปรี้ยวอะไรมาก ทำตัวให้เหมือนเป็นผู้ดีธรรมดาคนหนึ่งครับ

แต่ถึงเวลางานแล้วนี่อยู่ในงานแล้วนี่ จะเปลี่ยนไปอีกคนหนึ่ง ก็จะทำให้เรารู้สึกว่า คนธรรมดาทำไมเปลี่ยนไปอีกคนหนึ่ง แบบว่าหน้ามือเป็นหลังมืออย่างนั้นเลย จะทำให้ลูกค้ารู้สึกตื่นเต้นมากกว่า เธอบอกว่าการบริการแบบนี้ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ ไม่มีบริการทางเพศเด็ดขาด และคนที่มารับบริการ คือคนที่มาหวังว่าจะถูกว่า ถูกกระทำ ถูกตี
แต่ไม่มีบริการทางเพศ ความสุขของลูกค้า มันมากกว่าการบริการทางเพศอีก

[เสียงดนตรี]

(บรรยาย) แล้วเคยมีหรือไม่ ที่ลูกค้าอยากจะเป็นคนสั่งให้เธอทำโน่นทำนี่ คือลูกค้าเป็น S หรือ ซาดิสม์ เธอบอกว่าไม่มีค่ะ
(ภาษาญี่ปุ่น) (ฟูจิ) มีลูกค้าที่แปลก ๆ และที่มีการมาขอและเธอรับงานไม่ได้มีไหม ก็คือคำตอบว่ามีนะครับ

แต่ส่วนใหญ่น้อยมาก ก็คืองานที่ผู้ชายเป็น S และเธอเป็น M อย่างนี้ไม่เอานะครับ
คือผู้ชายต้องเป็นผู้ถูกกระทำ แล้วเธอเป็นผู้กระทำนะครับ
แล้วก่อนที่จะมารับบริการนี้นะครับ
ลูกค้าจะต้องคุยกับร้านให้เรียบร้อยก่อนว่า
ระบบเป็นอย่างไร เมื่อรู้เรื่องระบบแล้ว ถึงจะใช้บริการได้ดี
ดังนั้น จะไม่มีลูกค้าที่แบบแปลก ๆ ครับ
แปลก ๆ ในที่นี่คือ
เป็นลูกค้าที่เป็นฝ่าย S ก็คือฝ่ายกระทำ ลูกค้าที่เป็นฝ่ายกระทำจะน้อย เธอจะเป็นฝ่ายกระทำแทนครับ
(บรยาย) ลูกค้าที่เธอจำได้ว่า
แปลกมาก ๆ ก็มีนะคะ แปลกมากจริง ๆ ค่ะ
ต้องลองฟังดู คุณผู้ชมเห็นไหม ที่เธอกินเสร็จแล้ว บ้วนออกมา แล้วให้ลูกค้าเข้ามากิน มาเลีย (ภาษาญี่ปุ่น) กินขนม กินอาหารที่เธอกินแล้วบ้วนออกมา แล้วให้เราไปกินจากปากเธอ ไม่ใช่ กินจากพื้น แล้วก็อาหารที่เธอกินแล้วเหยียบ แล้วให้ลูกค้านี่กินอย่างนั้นเลยหรือ (ภาษาญี่ปุ่น) ก็
ก่อนอื่นที่จะมีการบริการแบบนี้ ก็คือมีการคล้าย ๆ กับว่าคุยกันก่อน
ว่าอยากเป็นอะไร อย่างเช่นว่าผมนะครับ
อยากจะเป็นสุนัข เป็นสัตว์เลี้ยงของเธอนะครับ
เขาก็จะเอาขนม เอาอาหารมา ก็ผูกคอ ผูกเชือก แล้วให้ผมเป็นสัตว์เลี้ยงของเธอ แล้วสิ่งที่เธอกินอยู่นี่ แล้วโยนให้สุนัขกิน แล้วผมก็จะไปกินด้วย ไปเลีย เพราะว่าสุนัขจะไม่มีการดูว่า
มันสกปรกหรือไม่นะครับ
แล้วก็บอกว่ายิ่งเป็นของเจ้านาย ที่กินแล้วบ้วนออกมานี่ มีน้ำลายผสมอยู่ด้วยสุนัขจะชอบมากเลย หลังจากที่เธอเห็นลูกค้าเขากินแล้วอร่อย ไม่ได้เสแสร้งนะ คือไม่ได้โกหก คือกินแล้วแบบว่าอร่อยมากเลยครับ
แล้วเธอดูแล้วรู้สึกอย่างไร
ถ้าเป็นผู้หญิงธรรมดา
อาจจะว่ามันน่ารังเกียจ มันน่าขยะแขยงหรือเปล่า เธอบอกว่าเป็นสิ่งที่แบบว่าสุนัขเชื่อเจ้าของ ก็รู้สึกดีใจเหมือนกัน เหมือนกับว่าสุนัขตัวนี้
ให้ความซื่อสัตย์กับเจ้าของ
ดังนั้นเธอจะสนุกด้วย มีความสุขด้วย นี่คือคนที่ทำงานจริง ๆ แล้วก็รักในงานนี้จริง ๆ เข้าใจความหมายเลย (บรรยาย)
งานของเธอนี่ไม่ธรรมดาจริง ๆ นะคะ และเธอก็ไม่ได้บอกใครว่าเธอทำงานอะไร
แต่เธอยอมเล่าให้เราฟัง ขอบคุณมากจริง ๆ เลยค่ะ
และเรื่องพวกนี้นะ เธอยอมออกอากาศเพื่อเรานะครับ
เธอบอกว่าไม่ได้บอกใคร ไม่ได้บอกคนในครอบครัวด้วย เป็นเรื่องความลับเลยนะครับ

แต่นี่ออกเป็นภาษาไทยเลยไม่เป็นไร นี่เป็นเรื่องความลับนะ (บรรยาย)
เราฟังเรื่องทางทฤษฎีกันมาพอเข้าใจแล้ว ตอนนี้เธอบอกว่า เธอจะลองทำให้ดูกันชัด ๆ เลยค่ะ
ว่าเวลาเธอให้บริการลูกค้านั้น เธอทำอะไรบ้าง ตามไปติด ๆ เลยค่ะ

[เสียงดนตรี]

(บรรยาย) เธอเล่าว่า
กฎกติกามารยาทก่อนที่จะมาเจอตัวลูกค้าคือ ลูกค้าจะต้องลงทะเบียน เป็นสมาชิกก่อนเข้าใช้บริการ โดยบอกความต้องการที่อยากจะทำได้ ตั้งแต่ตอนคุยโทรศัพท์ล่วงหน้า หรือพอเจอกันค่อยชี้แจงก็ได้ค่ะ

แต่…

ถ้าลูกค้าคนไหน ไม่รู้จะบอกความต้องการอย่างไร หรือใช้บริการอย่างไร ทางร้านจะเตรียมแบบสอบถามให้กรอก เพื่อให้คำปรึกษาก่อนใช้บริการจริง จะได้ไม่ผิดหวังกันค่ะ
ที่สำคัญ ทางร้านผู้ให้บริการ อยากให้ลูกค้าบอกการจำลองสถานการณ์
ที่ต้องการคร่าว ๆ เช่น ให้แสดงเสมือนน้องสาว ครู หัวหน้า ลูกน้อง เป็นต้น
หรือ ประเภทของพฤติกรรม เช่น อยากให้แกล้ง อยากให้ปลอบใจ จะได้วางแผนได้ตรงใจ
แต่ที่สำคัญและห้ามเด็ดขาดคือ ลูกค้าห้ามสัมผัสตัวเธอค่ะ

แต่ตอนที่เธอทำงาน จะไม่ได้ใส่ชุดเรียบร้อยแบบนี้นะคะ จะต้องมีลีลาหน่อย และนี่แหละค่ะ
คือการทำงานเต็มที่ เพื่อให้ลูกค้าพอใจ เราลองมาดูเป็นภาพจำลองกันดีกว่านะคะ ในสถานการณ์นี้
เธอจะทำตัวเป็นเจ้าของสุนัข ที่สั่งให้สุนัขทำทุกอย่างค่ะ
ทั้งกินอาหารที่เธอกินแล้ว ใช้เท้ากดหัวสุนัข ถูกมัดในท่าต่าง ๆ ใช้แส้ตี ใช้เทียนลน ซึ่งทั้งหมดที่ทำ จะเกิดจากการตกลงกันไว้ล่วงหน้าแล้วค่ะ
ในญี่ปุ่นนะครับ

บอกว่ามีคนที่มีร้านแบบ SM แล้วก็มีคนทำธุรกิจแบบนี้ แล้วก็คนที่เป็นคนทำงานเยอะไหม เธอบอกว่าไม่เยอะเท่าไรครับ
ในเมืองหลวงจะมีเยอะ ก็ประมาณหนึ่งร้อยร้านนะครับ
(ภาษาญี่ปุ่น) งานนี้จะตอบโจทย์ลูกค้าอย่างไรนะครับ
ลูกค้าจะดีใจอย่างไร อันที่จริงก่อนที่จะมีการแสดงแบบนี้นะครับ
ก็จะมีการปรึกษาก่อนว่าลูกค้าต้องการแบบไหน สิ่งที่เธอทำเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการให้ทำ และเป็นสิ่งที่ลูกค้าได้รับการบริการแล้ว
จะดีใจในตอนหลัง
ดังนั้นการปรึกษาพูดคุยกันแล้วทำให้ลูกค้าดีใจ ก็รู้สึกว่าได้ผลลัพธ์แล้วก็ปลดปล่อย กลับไปด้วยความสดชื่นครับ

[เสียงดนตรี]

(บรรยาย) ส่วนตัวเธอเองแล้ว ก็ได้รับความสุขจากงานนี้เช่นกันค่ะ
(ภาษาญี่ปุ่น) เธอบอกว่า
เธอดีใจที่ได้ทำงานนี้เพราะอะไรครับ
ลูกค้าหลังจากที่ได้รับบริการแล้ว ลูกค้าบอกว่า
ปลดปล่อยมากเลย รู้สึกสบายใจมาก ขอบคุณมากเลยที่คลายเครียดให้ แล้วก็ขอขอบคุณ
แล้วก็จับมือ แล้วก็กลับบ้านไป เธอบอกว่าเธอได้รับการขอบคุณ แล้วก็ได้รับความยินดีกลับไป นี่คืองานที่เธอเลิกไม่ได้เลยครับ

[เสียงดนตรี]

(บรรยาย) เป็นบริการที่แปลกไม่เบาเลยนะคะ และเมื่อเราถามอาจารย์ที่เป็นนักจิตวิทยา ท่านก็บอกว่า การที่มีบริการ
แบบที่ให้คนกลุ่มทั้ง S และ M ได้ระบายออก คลายเครียดทั้งจากชีวิตประจำวันของตัวเอง และรสนิยมในการหาความสุข
แบบแปลก ๆ ต่าง ๆ ก็ถือเป็นบริการที่ดี ที่ช่วยในเรื่องจิตวิทยาของคนค่ะ
จะได้มีทางออกในชีวิตมากขึ้น ไม่ไปกระทบกับชีวิตในโลกแห่งความเป็นจริง ให้เกิดปัญหาสังคมตามมาได้ค่ะ
อย่างที่เธอบอกนะคะ ว่างานของเธอ นอกจากจะทำให้ลูกค้ามีความสุขแล้ว ตัวเธอเองก็มีความสุข ที่ได้เห็นลูกค้า
แต่ละคนยิ้มกลับไปค่ะ
แม้ว่าอาชีพของเธอ จะถือเป็นอาชีพที่ออกจะแปลก ๆ อยู่สักหน่อย
แต่เราก็คิดว่า
เป็นงานที่มีความคิดสร้างสรรค์สูงมากเลยนะคะ และต้องการคนที่คิดนอกกรอบจริง ๆ เพราะ
แต่ละอย่างที่ลูกค้าขอให้ทำ คนปกติอาจจะกลัวเลยก็ได้
แต่เธอทำแบบเข้าใจ ไปถึงจิตใจเบื้องลึกของลูกค้าค่ะ
เราไม่รู้ว่าในประเทศอื่น ๆ จะมีบริการแบบนี้หรือไม่
แต่เราก็ขอยกนิ้วให้กับคนญี่ปุ่น ที่พยายามหาวิธีแก้ปัญหา ในระดับลึกซึ้งถึงจิตใจได้ขนาดนี้ค่ะ

[เสียงดนตรี]

(รอวียะ) คนญี่ปุ่นรู้สึกมีชีวิตชีวา รู้สึกตื่นเต้น ที่จะได้เห็นงานแบบใหม่บนผ้ากิโมโน ที่เราได้รับออร์เดอร์จากญี่ปุ่น (ฟูจิ) จากญี่ปุ่น อันนี้ที่นราธิวาส (รอวียะ) อันนี้ก็ลักษณะแพตเทิร์นของญี่ปุ่นนะคะ (ฟูจิ) นี่เขียนโดยไม่ต้องมีอะไรเลย (บรรยาย) พบกับดูให้รู้ได้ใหม่ในครั้งหน้า กับเรื่องราวในญี่ปุ่นที่คุณไม่เคยเห็น ดูให้รู้ รู้ให้ลึก สวัสดีค่ะ

Related Post

Leave a comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *