รู้จักเพจญี่ปุ่นในไทยผู้ทำให้เข้าใจญี่ปุ่นได้มากขึ้น

1125 0

(บรรยายหญิง) นอกจากดูให้รู้แล้ว คุณผู้ชมศึกษาเรื่องของญี่ปุ่น
ผ่านสื่อใดอีกบ้าง วันนี้เราจะมาแนะนำ
ข้อมูลจากโลกโซเชียลที่เชื่อถือได้ (ธนธร) ผมว่าคือพอ
คนที่เราชอบอะไรเหมือนกันนี่ มันจะมีแรงดึงดูดให้มาเจอกัน (ก้องกิจ) สิ่งที่ตัวเองได้ไปศึกษา
เรียนรู้ ประสบการณ์ต่าง ๆ บางส่วนอยากจะเผยแพร่ หรือแชร์ให้กับคนทั่วไปได้รู้ (บรรยาย) ใครตามสองเพจนี้อยู่ ไม่ได้เพิ่งมาเจอนะ
เจอแบบนี้มาเป็นพันปีแหละ ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว สึนามิ แล้วคนญี่ปุ่นเขาอยู่กับธรรมชาติ
ภัยธรรมชาติเหล่านี้ได้อย่างไร (บรรยาย) วันนี้จะได้เห็นผู้อยู่เบื้องหลังแล้วล่ะค่ะ
(ฟูจิ) เพจนี้ก็คือการที่อยากจะรู้ลึกกว่านี้ คือสามารถมารู้จากคนที่รู้จริง (ก้องกิจ) ในมุมมองของประสบการณ์ตัวเอง ที่สามารถที่ช่วยเขาได้นะครับ
และก็ช่วย ๆ คนอื่นที่เขาสนใจเกี่ยวกับญี่ปุ่น

[เสียงดนตรี]

(บรรยาย)
ถ้าอยากรู้เรื่องญี่ปุ่น เราจะหาข้อมูลได้จากโลกออนไลน์
ได้ไม่ยากใช่ไหมคะ มีเพจดัง ๆ มากมายที่ให้ข้อมูลรายละเอียด และเป็นประโยชน์ในการเรียนรู้สังคมญี่ปุ่น เช่น JapanSalaryman กิ๊ฟจังนั่งเล่า ญี่ปุ่นกรุบ ญี่ปุ่นเบาเบา วันนี้เราจะพามารู้จักผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับญี่ปุ่น ผ่านโลกโซเชียลอีกสองเพจที่น่าสนใจต่างกันค่ะ
ตามฟูจิเซ็นเซไปกันเลย (ฟูจิ) สวัสดีครับ
คุณผู้ชม
ตอนนี้นะครับ
ผมอยู่ที่ญี่ปุ่น เฮ่ย ไม่ใช่ ไปญี่ปุ่นไม่ได้ ตอนนี้ผมมาที่แห่งหนึ่งคล้าย ๆ ญี่ปุ่นมากเลย วันนี้เรานัดคุณบู้ ซึ่งเป็นเจ้าของเพจมารุมูระ ท่านทำเกี่ยวกับเรื่องวัฒนธรรม เทคโนโลยี และก็ธุรกิจด้วย คนไทยนะทำได้อย่างไร ข้อมูลลึกมากเลย ไปดูเบื้องหลังกันดีกว่า ทางนี้ อิคิมาโช ไปกันครับ

[เสียงดนตรี]

(ฟูจิ) สวัสดีครับ
คุณบู้ครับ
(ธนธร) สวัสดีครับ
สวัสดีครับ
ๆ ไม่ได้เจอกันนานเลยครับ
เราไม่ได้ไปญี่ปุ่นหลายเดือนแล้วเนอะ ครึ่งปีแล้วครับ
คุณบู้รู้ภาษาญี่ปุ่น ไม่รู้ครับ
อะไรนะ ไม่รู้ แล้วทำไมข้อมูลลึกขนาดนี้ครับ
คือมารุมูระ มันจะเกิดมาอยู่สิบปีนี่ ด้วยตัวผมคนเดียว มันคงเป็นไปไม่ได้ครับ
ผมว่าคือพอคนที่เราชอบอะไรเหมือนกันนะ มันจะมีแรงดึงดูดให้มาเจอกัน คือ
แต่ละท่าน เขาก็จะมีความรู้ หรือความชื่นชอบเฉพาะทาง
แต่เรามีจุดร่วมกันคือความเป็นญี่ปุ่น แล้ว
แต่ละคนก็จะมาช่วยลงลึกใน
แต่ละด้าน ๆ คือ
ถ้าผมคนเดียวไม่มีทางสำเร็จ และก็อยู่มาได้จนสิบปี ก็คนไทยชอบญี่ปุ่นเยอะครับ
อย่างห้างสรรพสินค้านี่ ผมว่าร้านอาหารญี่ปุ่นเยอะกว่าร้านอาหารไทยอีก คือผมว่ามันด้วยความเป็นเอเชียด้วยกัน แล้วก็มันมีวัฒนธรรมอะไรหลาย ๆ อย่าง
ที่มันคล้ายคลึงกัน และก็หลาย ๆ อย่างมันซึมซับมาโดยเราไม่รู้ตัว

[เสียงดนตรี]

(บรรยาย) จะคุยเรื่องเกี่ยวกับญี่ปุ่น เราก็เลยต้องพามาสถานที่ที่จำลองความเป็นญี่ปุ่น เพื่อให้เราหายคิดถึงญี่ปุ่นขึ้นมาอีกนิดหนึ่งนะคะ (ธนธร) ที่นี่ก็มีสัญลักษณ์ความเป็นญี่ปุ่น
มาใส่ไว้ค่อนข้างเยอะ (ฟูจิ) คล้ายกันมากเลย
(ธนธร) อย่างเช่นนี่ครับ
หอคอย อันนี้เป็นหอคอยระวังภัยไฟไหม้สมัยก่อน คือสมัยเอโดะ บ้านญี่ปุ่นยังเป็นบ้านไม้ใช่ไหมครับ
และก็ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ก็เลยใช้ตะเกียง จุดเทียน และบ้านก็จะอยู่ติด ๆ กัน มันก็เกิดไฟไหม้ง่าย และไฟไหม้บ่อยนะครับ
นี่ก็เลยจะเป็นเหมือนหอคอยระวังเวลาไฟไหม้ เขาก็จะแจ้งเตือน แล้วนี่ล่ะ แล้วนี่ (ฟูจิ) นี่ก็คือ…
(ธนธร) อันนี้เสาโทริอิครับ
เป็นเสา เขาเรียกอะไรนะ
เป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่า… บริเวณนั้นเป็นศาลเจ้า เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ก็คือ
ถ้าเราไปเที่ยวญี่ปุ่น เราเห็นเสาโทริอิลักษณะนี้นะครับ
อาจจะสีแดง หรืออาจจะเป็นสีอื่นก็ได้ อาจจะเป็นไม้ เป็นหิน ให้รู้เลยว่าตรงนี้บริเวณข้างใน
ที่จะเข้าไปเป็นศาลเจ้า ที่มาที่ไปของการสร้างเพจนี้คืออย่างไรครับ
เริ่มจากความชอบส่วนตัวครับ
และก็เชื่อว่าในเมืองไทย น่าจะมีคนที่ชอบเรื่องราวเกี่ยวกับญี่ปุ่น สมัยก่อนสิบปีที่แล้ว มันไม่มีสื่อที่คุยเรื่องญี่ปุ่น
เป็นเรื่องเป็นราวอย่างเดียว เป็นคนบุกเบิกคนแรกเลย …เข้าใจว่าไม่มีนะ ครับ
(บรรยาย)
ถ้าเข้าไปดูในเพจของมารุมูระ จะรู้ว่ามีข้อมูลเกี่ยวกับญี่ปุ่นหลากหลายมากนะคะ ทั้งประเพณี วัฒนธรรม สังคม การเรียนรู้คนญี่ปุ่น เทคโนโลยี สถานที่ท่องเที่ยวครบครันค่ะ

แต่เจ้าของเพจพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้เลยนะคะ แล้วมาทำเพจแบบนี้ได้อย่างไร (ฟูจิ) แล้วข้อมูลหาได้อย่างไรครับ
ก็คือตัวผมไม่ได้
แต่ว่าทางทีมงานเรานะครับ
รวมทั้งนักเขียนเรา ก็ได้ญี่ปุ่นกันเยอะ หลาย ๆ คนก็เป็นนักเรียนเก่าญี่ปุ่น – ทำงานบริษัทญี่ปุ่นก็มี
– แล้วเขาเขียนข้อมูลอย่างไร – อ๋อ แปลเป็นไทย
– ก็ช่วยกันหา ใช่ครับ
ก็อย่างที่เล่าไปเมื่อสักครู่ครับ

แต่ละคนก็มีความชอบไม่เหมือนกัน
ใครชอบเรื่องไหน เขาก็จะไปเจาะลึก ลงลึกในเรื่องนั้น แล้วก็มาบอกเล่า มาถ่ายทอด

[เสียงดนตรี]

(บรรยาย)
แต่แม้จะพูดญี่ปุ่นไม่ได้
แต่เจ้าของเพจมารุมูระสักอย่าง ต้องอ่านมาเยอะแน่ ๆ ค่ะ
แล้วก็เยอะพอที่จะเล่าอะไรสนุก ๆ
ให้เราฟังได้เลยค่ะ
(ฟูจิ) คุณบู้ แล้วนี่คืออะไร
(ธนธร) ครับ
(ธนธร) อันนี้ถังเหล้าสาเกครับ
ญี่ปุ่นเรียก นิฮงชู นี่ก็จำลอง น่าจะจำลองมาจากศาลเจ้า (ฟูจิ) เขาวางเรียง ๆ อย่างนี้เพื่ออะไร (ธนธร) ลักษณะนี้
จะเป็นแบบพวกประชาชน ห้างร้าน เขาจะเอามาถวายที่ศาลเจ้านะครับ
ไว้เวลาเทศกาล อย่างเช่น ปีใหม่ ก็จะเปิดทุกถัง แล้วก็ให้กับประชาชนในวันปีใหม่ – ดื่มเป็นสิริมงคลครับ

– โอ้โฮ รู้ลึกจริง ๆ เลย (ฟูจิ) ทำไมต้องให้ศาลเจ้า (ธนธร) คือเมี่อก่อนศาลเจ้ากับวัดนะครับ
เขาจะผลิต เขาจะสร้างโรงกลั่นสาเกอยู่ข้างในเอง เขาถือว่าสาเกเป็นเครื่องดื่มที่บริสุทธิ์นะครับ
เป็นเครื่องดื่มที่ไว้สื่อสาร หรือว่าไว้ถวายกับเทพเจ้า
แต่ว่าเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยผลิตกันเองแหละ ประชาชนก็เลยเอามาถวาย คือมันใสครับ
สาเกน้ำมันจะใส แสดงถึงความบริสุทธิ์ครับ
– ตอนนี้ได้ข่าวว่าจะทำหนังสือหรือครับ

– อ๋อ ใช่ครับ
มีทำเป็นฟรีก๊อบปี้ (Free Copy) ก็เป็นเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับญี่ปุ่นนี่แหละครับ
น่าจะออกภายในสิ้นปีนี้ ได้เจอกัน เล่มแรก มันก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับญี่ปุ่นอยู่แล้วนะครับ

แต่เล่มแรกเราจะคุยถึงเรื่องภัยพิบัติ คือประเทศญี่ปุ่นนี่… เขาเป็นประเทศที่
ต้องเจอเรื่องภัยธรรมชาติอยู่ตลอด
แต่เราจะต้องการสื่อว่า… เอ๊ะคนญี่ปุ่นนี่ ประเทศญี่ปุ่น ปีหนึ่งเจออะไร ภูเขาไฟระเบิด เจอแผ่นดินไหว เจอสึนามินะครับ
เจอพายุ เจออย่างนี้มาเป็นพัน ๆ ปี ไม่ได้เพิ่งมาเจอนะ เจออย่างนี้มาเป็นพันปีแล้ว แล้วคนญี่ปุ่นเขาอยู่กับธรรมชาติ ภัยธรรมชาติเหล่านี้ได้อย่างไร อยู่รอดแล้วก็พัฒนา เป็นประเทศที่เจริญแล้วแบบนี้ได้อย่างไร คือสิ่งที่เราต้องการสื่อนี่ คืออยากสื่อไปถึงตัวคนญี่ปุ่น เวลาเขาเจออุปสรรค เขาผ่านมาได้อย่างไร (บรรยาย) การจะมาเป็นเพจ
ที่สะสมความรู้เกี่ยวกับญี่ปุ่น ก็หมายถึงว่า ต้องสะสมนักเขียนดี ๆ ที่รู้เรื่องญี่ปุ่นไว้ด้วยนะคะ ซึ่งก็จะมีวิธีคัดเลือกเหมือนกันค่ะ
(ธนธร) จริง ๆ ที่ผ่านมานี่
เราไม่เคยเปิดรับนักเขียนเป็นเรื่องเป็นราวเลยนะ ส่วนใหญ่ก็จะแนะนำกันมา หรือว่าบังเอิญได้เจอกัน ได้คุยกัน แล้วก็เลยรู้ว่า ชอบอะไรที่คล้าย ๆ กัน ก็ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้นี่ คือมีนักเขียนที่เคยเขียน
ให้ทางมารุมูระนะ ร้อยกว่าคน – ร้อยกว่าคน โอ้โฮ
– ครับ
(ฟูจิ) ส่วนใหญ่เกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจ (ฟูจิ) ท่องเที่ยว วัฒนธรรม
(ธนธร) ก็ครอบคลุมหมดครับ
– คือ
ถ้านิยม มันแน่นอนเรื่องกิน เรื่องเที่ยว
– เรื่องกิน เที่ยว มันง่ายคือมันย่อยง่าย คนเข้าถึงง่าย –
แต่เราก็อยากจะเสริมเรื่องอื่น ๆ เข้าไป
– อ๋อ คือเวลาไปเที่ยว เราก็ไม่อยากให้แค่ว่า… คนไทยไปเที่ยวถ่ายรูปสวย ๆ กลับมา คืออยากให้เขาได้อะไรนะครับ
อย่างนี้มาถ่ายรูปคู่กับสาเก กลับไป นี่ถ่ายที่ไหน
อ๋อ ถ่ายที่ศาลเจ้า
แต่นี่ไว้ทำอะไรล่ะ ไม่รู้ ใช่ไหมครับ
นี่เราอยากบอกเล่าอย่างนี้ว่า… อย่างน้อยไปแล้ว เราได้รู้ว่า สิ่งที่เราไปเห็นมานี่ มันคืออะไร มันมีประวัติความเป็นมาอย่างไร (บรรยาย) ซึ่งเป็นเป้าหมายของการให้ข้อมูลที่กว้าง และก็ลึกเกี่ยวกับญี่ปุ่นนี่เอง เราก็แอบสรุปเล็ก ๆ ว่า… เพจนี้พยายามทำให้คนไทย ได้เรียนรู้ข้อดีของประเทศญี่ปุ่น เพื่อนำมาปรับใช้ ให้เกิดการพัฒนาในบ้านเราได้เหมือนกันค่ะ
ด้วยกำลังของทีมงาน แล้วก็นักเขียนที่เข้ามามีส่วนร่วมกับมารุมูระ เท่าที่เราเห็นที่หน้าเพจ ก็มากกว่าร้อยแล้วล่ะค่ะ
ตั้งแต่ทำเพจมา
มีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้รู้สึกประทับใจบ้างครับ
ที่ประทับใจที่สุดนี่ ก็น่าจะ… ช่วงที่เราเปิดเว็บ เปิดเพจใหม่ ๆ นะครับ
ตอนนั้นเปิดมาได้ประมาณหนึ่งปี ที่ญี่ปุ่นเกิดสึนามิ ตอนนั้นเราก็ยังเป็นเพจเล็ก ๆ อยู่ ตอนนี้ทางญี่ปุ่นเขามีปัญหา เราก็อยากจะช่วย ตอนนั้นผมก็จัดประมูลของ เพื่อเอาเงินมอบให้สภากาชาดไทย แล้วก็ส่งต่อให้ไปช่วยทางญี่ปุ่น ประมาณหนึ่งครับ
ที่ส่งไปช่วย ก็รู้สึกว่าคนไทยมีน้ำใจครับ
ก็รู้สึกเราประทับใจที่ได้ช่วยเหลือ แล้วก็ไม่ใช่เฉพาะเรา คนที่ชอบญี่ปุ่นด้วยกัน ก็รวมกลุ่มกันไปช่วย

[เสียงดนตรี]

(บรรยาย) จริง ๆ การต่อสู้
เพื่อให้เพจเล็ก ๆ ในวันนั้น ก้าวมาเป็นเพจที่ได้รับการยอมรับในวันนี้ ก็ต้องผ่านช่วงเวลายากลำบากมาเหมือนกันนะคะ เช่น เคยปิดกิจการมาแล้วค่ะ

แต่ปิดแค่คืนเดียวเท่านั้น เพราะอะไร เกิดอะไรขึ้นมาฟังกันค่ะ
(ธนธร) ตอนเริ่มนี่ เราเริ่มเพราะความชอบ ไม่ได้คิดถึงเรื่อง Business Model ทีนี้พอทำ ๆ ไป มันก็รู้สึกผูกพันกับสิ่งที่เราทำ
แต่ว่ามันก็มาพร้อมกับค่าใช้จ่าย
ที่มันมามากขึ้นเรื่อย ๆ

[เสียงดนตรี]

พอถึงจุดหนึ่งประมาณสักปีหนึ่งมั้ง ก็รู้สึกว่า เอ๊ะ…
เราไม่รู้จะหารายได้เข้ามาอย่างไร พอปีแรกผมเคยจะคิดเลิกทำนะ เรียกน้อง ๆ มาคุยที่ออฟฟิศเลย เรา… พอแค่นี้ดีกว่า คือเราก็ไม่อยากพาน้อง ๆ มาลำบาก หยุดแค่นี้แล้วกัน พอแค่นี้ แล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน พอกลับไปปุ๊บ วันรุ่งขึ้นมา ผมก็ตื่นเช้ามา เปิดคอมพิวเตอร์
เข้าเว็บไซต์มารุมูระเหมือนเดิม พอเปิดมา เราก็ เอ๊ะ…
เมื่อวานเราบอก เราเลิกทำไปแล้วนี่นะ ทำไมวันนี้เรายังเปิดอยู่อีก เราก็รู้สึกว่า… เราผูกพันกับมันนะ มันไม่ใช่แค่ความชอบแล้ว มันมากกว่านั้นแแล้ว ผมก็โทรไปเรียกน้อง ๆ มาใหม่ กลับมาใหม่ ผมก็เปิดคอนเสิร์ตให้เด็ก ๆ ดู คอนเสิร์ตบอดี้สแลม ตอนนั้นเขาเล่นที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน น้อง ๆ เด็ก ๆ ก็งงเรียกมาทำไม เรียกมาแล้วมาเปิดดูคอนเสิร์ต พอดูไปสักพักหนึ่ง ผมก็ถามว่า รู้ไหมบอดี้สแลมนี่นะ ตอนเขาเล่นคอนเสิร์ตครั้งแรกเขามีคนดูกี่คน มีคนดูประมาณร้อยคน
แต่วันนี้เขาเล่นที่ราชมังคลาฯ
มีคนดูหกหมื่นกว่าคน ก็เลยถามน้อง ๆ ว่า อยากทำมารุมูระต่อไหม
ถ้าอยากทำ… วันหนึ่งเราต้องไปเล่นที่ราชมังคลาฯ
เหมือนบอดี้สแลม

[เสียงดนตรี]

ถามว่าทำแล้วได้อะไร ได้ความสุข หลาย ๆ คนชอบถาม บางทีเขามาถามว่า คิดว่ามารุมูระทำมาจนถึงจุดนี้ ประสบความสำเร็จแล้วหรือยังนะครับ
ผมก็จะถามกลับว่า… คำว่าประสบความสำเร็จของคุณน่ะ ที่คุณถามผมนี่ วัดจากอะไรล่ะ คำว่าประสบความสำเร็จของ
แต่ละคนไม่เหมือนกัน (ฟูจิ) ไม่เหมือนกัน (ธนธร) คือ
ถ้าวัดกันที่ตัวเงิน มารุมูระก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จ เพราะว่าเราไม่ได้ทำมารุมูระแล้วรวย แล้วเราไม่ได้คิดว่าจะทำมารุมูระให้รวย
แต่ว่าสำหรับผม มันประสบความสำเร็จ เพราะมันสร้างความสุขให้กับเรา ผมทำมารุมูระ ผมทำงานทุกวัน ผมมีความสุขทุกวันที่ได้ทำงาน

[เสียงดนตรี]

(บรรยาย) พูดมาขนาดนี้ เราก็อยากจะเห็นแล้วนะคะว่า… ทีมงานที่ทำให้มารุมูระเติบโตมาจนถึงวันนี้ ทำงานกันอย่างไรบ้าง ตามไปที่สำนักงานกันเลยค่ะ
(ฟูจิ) โอ้ อันนี้มาเบื้องหลังออฟฟิศของคุณบู้ มารุมูระเบื้องหลังทำงานอย่างไร ไปดูกันดีกว่า ครับ
เดี๋ยวพาไปดูครับ
(ฟูจิ) ขึ้นไปเลยครับ
(ธนกร) ปกติจะมีสตาฟอยู่ประมาณ 4-5 คน ก็อัปเดต ครับ
หาข้อมูล เช็กข้อมูลอะไรต่าง ๆ คือเว็บเราอัปเดตทุกวัน มีคอนเทนต์ใหม่ทุกวัน อินสตาแกรมก็มี ช่องยูทูบก็มี ทวิตเตอร์ก็มี มีแทบทุกช่องทาง ทุกอย่างมารวมกันที่นี่ คือในเว็บไซต์ คอนเทนต์มันจะแยกเป็น 2 ส่วน พวกข่าวสารที่น่าสนใจ กับเขาเรียกว่าข้อมูล ตรงนั้นเราก็จะมีการวางโครงเรื่องว่า… เราอยากเล่าเรื่องอะไร ก็จะมานั่งหาข้อมูลประกอบครับ
(รัตติรส) ก็เหมือนตอนนี้นะ จริง ๆ ก็เหมือนเดิมนะ คือแบบเขาก็จะแบบมีไอเดียทำอะไรตลอดเวลา สมองวิ่งตลอดเวลา ฮาร์ดดิสก์ (Harddisk) ไม่เคยเต็ม มีอะไร… มีขยายฮาร์ดดิสก์ได้เรื่อย ๆ ก็มีเรื่องใหม่ ๆ คิดอยากจะทำขึ้นมาเรื่อย ๆ
แต่มันก็คือต่อยอดจากงานที่ทำเดิม ก็เลยทำให้งานมันไม่น่าเบื่อ มันจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่งานที่ทำอยู่ทั้งวันนี้ จริง ๆ คอนเทนต์มันก็จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ สถานการณ์หลายอย่าง
ถ้าเป็นข่าวอย่างเดียวนี่ เฉพาะข่าว มันก็มีข่าวใหม่ ๆ มีอะไรใหม่ ๆ มาตลอดเวลา
แต่เขาจะทำให้มันดูแบบ… มีอะไรน่าสนใจไปเรื่อย ๆ ก็เลยไม่น่าเบื่อ ถึงบอกว่ามารุมูระเราไม่น่าเบื่อ
ถ้าถามตัวเอง
ถ้าพี่เขาทำต่อ เราก็ทำต่อ แล้วเราก็คุยกันแล้วด้วยว่า… คือมารุมูระมันเป็นคอนเทนต์ที่ไม่ตายค่ะ
ต่อให้เราไม่ได้ทำเป็นบริษัท หรือรูปแบบบริษัท จริง ๆ เราก็ยังชอบที่จะทำ
เรื่องราวเกี่ยวกับญี่ปุ่นอยู่ดี อยากจะนำเสนอมันออกไปอยู่ดี เราอยู่กับมันทุกวัน แล้วเราเห็นมันโตมาเรื่อย ๆ จนถึงทุกวันนี้ แล้วเราก็ยังคิดว่ามันยังโตได้อีกเรื่อย ๆ เรายังคิดว่าแบบสิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้มันก็ดีนะ
แต่มันยังดีได้อีก มันยังเจ๋งกว่านี้ได้อีก ก็เลยคิดว่า นี่นะน่าจะเป็นสิ่งที่แบบว่า… พอมันโตขึ้น ๆ
เราก็รู้สึกมันเหมือนกับเราเห็นลูกโต ก็เลยมีความสุขกับมันด้วย (บรรยาย) ที่เจ้าหน้าที่นั่งหน้าคอมพิวเตอร์
กันตลอดเวลาแบบนี้ ก็คือการพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับญี่ปุ่นค่ะ
ซึ่งหลักการก็คือ มีข่าวสารใหม่ ๆ เกิดขึ้นทุกวัน
ดังนั้น จึงต้องขุดค้น เสาะหา และก็นำมาประกอบกัน
ให้เป็นบทความที่น่าสนใจค่ะ
ก็มีทั้งออนไลน์ด้วย ทั้งหนังสือด้วยครับ
จริง ๆ ก็เหมือนกัน
เราก็ต้องยันข้อมูลหลาย ๆ แหล่งว่า ข้อมูลมันถูกต้องจริงไหมนะครับ
แล้วก็เราทำเรื่อง ๆ หนึ่ง
มันไม่ใช่ว่าแปลจากอันนี้ แปลจากภาษาญี่ปุ่น มาเป็นภาษาไทยแล้วจบ
มันไม่ใช่ …ไม่ ไม่ถึงขนาดนั้น
ถ้าเว็บไซต์นะครับ
ไม่ได้ถึงขนาดนั้นครับ
ก็บางทีก็จะเสนอกัน สมมติ คุณนกเห็นมี… พี่มีเรื่องนี้น่าสนใจ อะไรอย่างนี้ ก็จะหยิบขึ้นมาคุยกัน
แต่ว่าถึงขนาดว่าทุกคอนเทนต์
ต้องมาประชุมกันไหม มันไม่ถึงขนาดนั้นครับ

แต่…

ถ้าเป็นหนังสือ ก็จะเป็นอีกแบบหนึ่งการทำงาน หนังสือก็ต้องมาคุยกันเยอะกว่า ว่าเราจะมีอะไรบ้าง มีคอลัมน์อะไรบ้างในหนังสือ อันนั้นจะคุยกันเยอะกว่า

[เสียงดนตรี]

(บรรยาย) เรามีคำถามต่อไปว่า… เรื่องน่าสนใจก็เป็นจุดขายหนึ่งแน่นอน
แต่ว่าจุดขายที่สำคัญในการทำเพจหนึ่งเพจ… ให้มีคนติดตามอ่านมากมายคืออะไรคะ โจทย์ถามว่า เราต้องพยายามทำคอนเทนต์
ที่คนดูเยอะ ๆ ไหม ไม่ใช่ คือ
ถ้าเกิดว่าเราเน้นว่า… ทำคอนเทนต์มาเพื่อให้คนเข้าเยอะ ๆ รูปแบบของมารุมูระก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง มันก็จะมี
แต่คอนเทนต์อะไรไม่รู้ที่เรียกคนได้
แต่ว่าหาคุณค่าของมันจริง ๆ มันอาจจะไม่มาก คืออย่างข่าวบางอย่างนี่ ถามว่า… สมมติมีดราม่า มีอะไรอย่างนี้
เราได้อะไรจากสิ่งนั้น นอกจากว่าได้รู้เรื่องของคนอื่น เราได้อะไรจากเรื่องนี้ไหม เราอาจจะไม่ได้ แค่แบบได้รู้เรื่องชาวบ้าน มันเรียกเรตติงได้ แบบนี้เราอาจจะไม่เอา มันต้องย้อนกลับไปมองว่า คนอ่านได้อะไร คือ
ถ้าเกิดว่าเราสนใจ
แต่เรื่องเรตติงอย่างเดียว ให้คนเข้าเว็บเยอะ ๆ อย่างเดียวโดยไม่สนใจว่า… คอนเทนต์มันมีคุณค่าหรือเปล่านะครับ
ผมว่าเราก็มาจนถึงวันนี้ไม่ได้

[เสียงดนตรี]

(บรรยาย) เห็นเป้าหมายของคนทำแล้ว คุณผู้ชมที่สนใจญี่ปุ่น และยังไม่เคยอ่านเรื่องราวในมารุมูระมาก่อน คงจะต้องลองไปติดตามกันแล้วล่ะค่ะ
คุณภาพคับแก้วจริง ๆ ค่ะ

แต่วันนี้ฟูจิเซ็นเซ ไม่ได้พาเรามารู้จักกูรูด้านญี่ปุ่นแค่คนเดียวนะคะ ท่านต่อไปรออยู่แล้วค่ะ
จากเพจมิสเตอร์เจแปนค่ะ

[เสียงดนตรี]

โอ้… (ก้องกิจ) ไม่ได้เจอกันนานมากเลยคุณฟูจิ ไม่ได้เจอกันเป็น 10 ปีเลย เพื่อน ๆ หลายคนสบายดีไหมครับ
ก็สบายดี ตอนรุ่นที่เราเป็นหนุ่ม ๆ เนอะ ที่เราแบบเจอกัน ทำกิจกรรมอยู่ที่ญี่ปุ่น ตอนนี้ก็ยังหนุ่มอยู่นะ ตอนนี้เชป (Shape) แบบหล่อเหมือนเดิมเลย ไม่เปลี่ยนเลยนะ ก่อนหน้านี้อยู่บริษัทยักษ์ใหญ่ในญี่ปุ่น
มาหลายสิบปีเลย ใหญ่มากเลย ไปอยู่ได้อย่างไร แล้วก็มาอยู่เมืองไทยอย่างไร คืออยากรู้ว่าเรื่องราวผ่านไปอย่างไรครับ

เล่าให้ฟังหน่อย เป็นความโชคดีมากกว่า เพราะผมจะเรียนต่อกัน ผมเรียนต่อปริญญาโท แล้วก็ปริญญาเอก พอจบปริญญาเอก แล้วก็โชคดีได้งานทำ ในบริษัทซึ่งคนญี่ปุ่น
เขาอยากให้เข้าไปทำงานนะครับ
ตอนแรกก็คิดว่าจะไปหาประสบการณ์สัก 2 – 3 ปี
แต่พอเข้าไปแล้วนี่คือบริษัทมันใหญ่ ได้มีโอกาสได้รู้นู่นนี่เยอะ เลยอยู่นาน ทำงานไปรวมอยู่ญี่ปุ่นทั้งหมด 20 กว่าปี

[เสียงดนตรี]

(บรรยาย) ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ แถมเป็นเพื่อนเก่ากันด้วย จะมายืนคุยกันแบบนี้
น่าจะเมื่อยมาก เพราะคงยาวแน่ ๆ เราจะไม่หาที่นั่งกันหน่อยหรือคะ ร้านอยู่ใกล้ ๆ นี้ครับ
สไตล์แบบญี่ปุ่นแท้ ๆ ประตูแบบทุกอย่างญี่ปุ่น ตั้งแต่อยู่นอกร้านเข้าไป คือทำแบบญี่ปุ่นมาก ๆ

[เสียงดนตรี]

(บรรยาย) ค่อยยังชั่วค่ะ
ได้นั่งแถมยังได้กินอาหารญี่ปุ่นแบบต้นตำรับ ให้หายคิดถึงญี่ปุ่นด้วย ไปกันเลยค่ะ
เดี๋ยวผมไปนั่งฟังนู้นครับ
จริง ๆ แล้ว ผมนัดกับคุณก้อง เพราะผมอยากจะทราบ
เกี่ยวกับเรื่องมิสเตอร์เจแปนมากกว่า เขียนเรื่องอะไร เล่าเป็นอย่างไรครับ
มันต้องเล่าเท้าความก่อน
แต่ก่อนนี้คือคุณพ่อผม
เป็นนักเรียนทุนรัฐบาลญี่ปุ่น ผมเลยรู้สึกคุ้นเคยกับคนญี่ปุ่นตั้งแต่เด็กล่ะ แล้วก็สนใจที่จะไปศึกษาต่อที่ญี่ปุ่น ไปเรียนตั้งแต่ปริญญาตรี ตรี โท แล้วก็เอก แล้วพอมีโอกาสเข้าไปทำงานในบริษัทญี่ปุ่นนะครับ
ก็คิดว่าสิ่งที่ตัวเองรู้
น่าจะนำมาถ่ายทอดให้กับคนอื่น ที่เป็นรุ่นน้องหรือว่าคนที่เรารู้จัก ได้เข้าใจเกี่ยวกับญี่ปุ่น ก็เลยทำเป็นเพจมิสเตอร์เจแปนขึ้นมา การทำงานในบริษัทญี่ปุ่น หรือการสมัคร
ต้องเตรียมอะไรไหมครับ
การที่เราจะเข้าไปทำงานกับคนญี่ปุ่น เราอย่าคิดว่าเราเป็นคนต่างชาติ เราคิดว่าเราเข้าไปทำงานกับคนญี่ปุ่น คือเราต้องเสมือนคนญี่ปุ่น มีเหตุผลอะไรที่บริษัท
จะต้องรับคนต่างชาติเข้าไปทำงาน (บรรยาย) ประโยคนี้น่าสนใจมากนะคะ การไปสมัครงานกับบริษัทญี่ปุ่น คุณต้องทำอย่างไรก็ได้ ให้เขารู้สึกว่า
ทำไมจะต้องจ้างคนต่างชาติเข้ามาทำงาน คือคุณต้องต่างจากคนญี่ปุ่นให้ได้ค่ะ
ผมสมัครงานในประเทศญี่ปุ่น 40 ที่ ไม่ติดครับ
คนละเรื่องนี่คือกี่ที่ติด ที่เดียวติด ผมนี่ 40 ที่ ไม่ติดครับ
แสดงว่ามันยากมาก ๆ และสัมภาษณ์ก็ต้องมีวิสัยทัศน์ที่แตกต่างอีก เล่าให้ฟังหน่อยครับ
ที่ผมจำได้นะครับ
ก็คือคร่าว ๆ คือว่า… ทำไมถึงเลือกมาทำงานบริษัทนี้ เราก็ต้องแสดงความจำนง ความตั้งใจ ความมุ่งมั่น – เจตจำนง
– ใช่ ว่าเราจะเข้ามาบริษัทนี้เพื่ออะไร (บรรยาย) ด้วยประสบการณ์ที่โชกโชน คุณก้องก็เลยคิดว่า อยากจะมาเขียนแบ่งปัน ประสบการณ์ให้กับผู้สนใจ ก็เลยกลายมาเป็นเพจมิสเตอร์เจแปนค่ะ

[เสียงดนตรี]

จริง ๆ แล้ว ผมมีเพจส่วนตัวของผมอยู่ ทีนี้สิ่งที่ตัวเองได้ไปศึกษา เรียนรู้ ประสบการณ์ต่าง ๆ บางส่วนอยากจะเผยแพร่ หรือแชร์ให้กับคนทั่วไป
ได้รู้ถึงชีวิตของคนญี่ปุ่นจริง ๆ อย่างนั้นเราทำเพจแยกออกมาต่างหาก
ดีกว่าไหม จะใช้ชื่ออะไรดี อย่างนั้นชื่อตรง ๆ เลยแล้วกัน ผมผู้ชาย ผมก็มิสเตอร์ คุยเรื่องญี่ปุ่น ก็คือเจแปน ก็เป็นมิสเตอร์เจแปนไป (บรรยาย) กำลังคุยกันเพลิน ๆ มาถึงอาหารที่หารับประทานยากอีกอย่าง ที่เห็นแล้วก็ต้องน้ำลายสอเลยนะคะ คุณฟูจิครับ
อาหารนี้เป็นไฮไลต์ของร้านนี้เลย เรียกว่า Hikiage Yuba เป็นเหมือนฟองเต้าหู้นม ใช้เวลานานหน่อยนะครับ
หลายนาทีนะครับ
กว่าจะได้เป็นฟองเต้าหู้ออกมาอย่างนี้นะครับ
ทานตอนร้อน ๆ นะครับ
ระหว่างนี้ก็… (ฟูจิ) หอมมากเลย (บรรยาย) แล้วผู้อ่านที่ชอบอ่าน หรือเข้ามาถามเรื่องอะไรกับคุณก้อง ผ่านเพจมิสเตอร์เจแปนบ้างคะ คือผมเป็นคนชอบสถิติ ผมก็จะไปหาข้อมูลเกี่ยวกับญี่ปุ่น
เกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆ แล้วก็สรุป ทำเป็นกราฟ ทำเป็นรูป
แล้วก็อธิบายไป บางคนคือเขาก็อยากจะขอข้อมูลเพิ่มก็มี แล้วบางคนก็คือเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ครับ
สมมติว่า ผมชอบกินมะเขือเทศญี่ปุ่น เขาก็จะซื้อมาลองปลูกกินก็มีเหมือนกัน เขาก็จะติดต่อมา
เขาจะซื้อได้ที่ไหน ซื้อได้อย่างไรบ้าง แล้วก็ปรึกษาเรื่องอยากจะส่งลูกไปเรียนญี่ปุ่น ปรึกษาว่าจากประสบการณ์ผม
จะต้องทำอย่างไรบ้าง ก็มีครับ
(ฟูจิ) ก็คือเพจนี้ก็คือ การที่อยากจะรู้ลึกกว่านี้ คือสามารถมารู้จากคนที่รู้จริง (ก้องกิจ) ในมุมมองของประสบการณ์ตัวเอง
ที่สามารถที่ช่วยเขาได้ และก็ช่วย ๆ คนอื่นที่เขาสนใจเกี่ยวกับญี่ปุ่นครับ
(บรรยาย) มีคนให้ถามแล้วนะคะ คุณผู้ชมที่สงสัยเรื่องอะไรลึก ๆ เกี่ยวกับญี่ปุ่น ลองถามไปได้เลยค่ะ
มาถึงคำถามสุดท้ายที่เราอยากให้มิสเตอร์เจแปน ลองวิเคราะห์ให้เราฟังมากเลยค่ะ
นั่นก็คือสถานการณ์โควิด-19 ในญี่ปุ่นค่ะ
คือมันต้องย้อนเท้าความไปก่อน ตอนที่โควิดเริ่มระบาดใหม่ ๆ นะครับ
ตอนนั้นรัฐบาลญี่ปุ่น
เขารับมือกับการระบาดของโควิด ซึ่งกำลังจะเริ่มขึ้นในประเทศญี่ปุ่นอย่างไร ก็เท่าที่เป็นข่าวกันครับ
ก็ตอนนั้นดู เขาจะรับมือกันอย่างไร ทุกคนเขาจับตามองอยู่นะ ความรู้สึกคือมันยังไม่ใช่นะ ญี่ปุ่นมันแค่นี้หรือ คนญี่ปุ่นที่รู้สึกก็คือ ทำได้ไม่เพียงพอ และไม่เพียงพอ และก็ไม่ดีด้วย
แต่ว่าหลังจากนั้นไม่นาน การระบาดของโควิดมันก็เริ่ม ๆ ไปเรื่อย ๆ ทำไม เอ๊ะ ทำไมมันหยุดไม่อยู่ ตอนนั้นประเทศไทยเริ่มล่ะ ออกมาตรการหนัก คือประกาศภาวะฉุกเฉิน ซึ่งประเทศไทยประกาศภาวะฉุกเฉิน
เร็วกว่าประเทศญี่ปุ่น แล้วก็เด็ดขาด
คำว่าเด็ดขาดคือ ไม่จำเป็นสั่งให้อยู่บ้าน
แต่ที่ญี่ปุ่นนี่คือเขาสั่งไม่ได้ ได้อย่างมากก็คือวิงวอน ร้องขอความช่วยเหลือ ซึ่งก็ช่วยได้บางส่วน
แต่จะให้เด็ดขาดเป็นไปไม่ได้ ทำให้สถานการณ์ของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
แต่ว่าหลังจากนั้น พลเมืองญี่ปุ่นให้ความร่วมมือ ก็ค่อย ๆ มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ดีขึ้นหมายความว่า คนติดเชื้อคือน้อยลง คลื่นลูกที่ 1 สมมติที่ประเทศไทย สามารถที่จะควบคุมถึงระดับ 0 คนนะครับ
และเป็นระยะเวลานานต่อเนื่อง ที่ญี่ปุ่นโดยเฉพาะที่โตเกียว ยังไม่สามารถควบคุมถึงระดับ 0 คน
แต่ว่าสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจของเขานี่ คือค่อนข้างจะบอบช้ำเยอะ ทำให้รัฐบาลต้องรีบยกเลิกมาตรการหนักก็คือ… ประกาศยกเลิกภาวะฉุกเฉิน เพื่อให้ทุกคนกลับมาให้ชีวิต
ค่อย ๆ กลับมาใช้ชีวิตปกติได้ เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจพัง พอทุกคนเริ่มกลับมาทำกิจกรรมตามปกติกัน ความเสี่ยงก็จะเพิ่มมากขึ้น แล้วเวลาผ่านไปคนก็จะเริ่มหลวมกัน ทำให้ตอนนี้จำนวนผู้ติดเชื้อญี่ปุ่นเริ่มเพิ่มขึ้นมา ตอนนี้ส่วนตัวผมว่าน่าเป็นห่วงนะ (ฟูจิ) ความร่วมมือของประชาชนหรือเปล่า เช่น ของประเทศไทยตอนนี้ เวลาเราจะเข้าห้าง หรือจะเข้าที่หนาแน่น
มันจะมีการเช็กบาร์โคด (Barcode) ไทยชนะ แล้วก็มีการเช็กอุณหภูมิ ทุกที่มีความร่วมมือกัน แล้วก็ทุกคนก็ให้ความร่วมมือ
โดยไม่มีการโวยวาย แล้วก็ตรงไทยชนะนี่ สแกน ถามเพื่อน ๆ ญี่ปุ่นบอกว่าไม่ร่วม เพราะอะไร สิทธิส่วนบุคคล เดี๋ยวฉันถูกรู้ว่า ฉันจะไปที่ไหน ที่โน่นที่นี่มา
เพราะฉะนั้น ฉันไม่ร่วม ญี่ปุ่นเขามีกฎหมาย
รักษาข้อมูลส่วนบุคคลอยู่นะครับ

ดังนั้น ทุกคนรวมทั้งผมเหมือนกัน หนึ่ง ข้อมูลของลูกค้าค่อนข้างจะเข้มงวดมาก
เพราะฉะนั้น คนญี่ปุ่นค่อนข้างจะเซนซิทีฟ
(Sensitive) ให้ความสนใจกับข้อมูลส่วนตัวค่อนข้างเยอะ ยิ่งญี่ปุ่นนี่ ผมว่ายากเลยล่ะ (บรรยาย) เป็นการวิเคราะห์ความเป็นญี่ปุ่น ในสถานการณ์นี้ที่น่าสนใจนะคะ ลักษณะการบริหารประเทศ การใช้ชีวิตที่ไม่เหมือนกัน ก็ทำให้การแก้ปัญหาเรื่องนี้ต่างออกไปด้วย
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เราก็เอาใจช่วยให้ทุกประเทศรอดไปด้วยกันค่ะ
ต้องขอขอบคุณทั้งเพจมารุมูระ และมิสเตอร์เจแปนมากค่ะ
พบกับดูให้รู้ได้ใหม่ในครั้งหน้า กับเรื่องราวในญี่ปุ่นที่คุณไม่เคยเห็น ดูให้รู้ รู้ให้ลึก สวัสดีค่ะ

Related Post

Leave a comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *